WFX โชว์กำไร 9 เดือนแรกปี 65 แตะ 189.44 ลบ.

“เวิลด์เฟล็กซ์-WFX” อวดงบ 9 เดือนแรกปี 65 กำไรสุทธิแตะ 189.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.64% yoy อานิสงส์อุตสาหกรรมสิ่งทอฟื้นตัว ด้าน“ณัฐ วงศาสุทธิกุล” เผย เดินหน้าบุกตลาดกลุ่มใหม่ๆทวีปแอฟริกา-อเมริกาใต้ พร้อมเร่งขยายกำลังผลิตเฟสสอง รองรับออเดอร์ มั่นใจผลงานปีนี้โต 10-15% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ 

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เวิลด์เฟล็กซ์ จำกัด(มหาชน) (WFX) เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนของปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 189.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.64% จากงวดเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 188.24 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมอยู่ที่ 2,819.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มีรายได้รวม 2,583.52 ล้านบาท ขณะที่งวดไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 681.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 4.29 ล้านบาท

ปัจจัยหลักที่สนับสนุนให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น มาจากการขยายกำลังการผลิตในเฟสแรกที่เสร็จสมบูรณ์ตามแผน ทำให้บริษัทฯผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านขนาดและคุณภาพ อีกทั้งบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มลูกค้าประเภท End user เพิ่มขึ้นตามลำดับ

“ภาพรวมผลประกอบการรวม 9 เดือนของปีนี้ บริษัทฯ ยังสามารถทำผลงานได้ดี เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้น อุตสาหกรรมสิ่งทอเริ่มฟื้นตัว จากความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม ที่มากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่กลับมาฟื้นตัว ทำให้มีความต้องการสินค้าที่หลากหลาย ผลักดันยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว”

ทั้งนี้บริษัทฯ ได้เดินหน้าตามแผนบุกตลาดกลุ่มใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากประเทศจีน เช่น ประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ เวียดนาม อินโดนีเซีย บังคลาเทศ, ประเทศในแถบยุโรป ได้แก่ รัสเซีย ตุรเคีย อุซเบกิสถาน, ในแถบอเมริกาใต้ ได้แก่ บราซิล เม็กซิโก โคลอมเบีย เปรู และยังมีแผนที่จะเปิดตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศแอฟริกา ได้แก่ อียิปต์ โมรอคโค อัลจีเรีย ตูนีเซีย เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/65 คาดว่าจะเป็นช่วงที่บริษัทฯ จะกลับมาผลิตสินค้าได้ประสิทธิภาพการผลิต (Efficiency) ในระดับปกติ มั่นใจว่ารายได้รวมในปีนี้จะเติบโต 10-15% จากปีก่อน สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จภายในปี 66 ส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟส รวมอยู่ที่ประมาณ 20-30% จากปัจจุบันอยู่ 36,000 ตันต่อปี เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มีเข้ามาล่วงหน้าเป็นจำนวนมาก